เยอรมัน จะเล่นเกมอุ่นเครื่องเป็นนัดสุดท้ายก่อนที่จะไปลุยศึก ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ ภายใต้การทำทีมของ ฌูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ที่เข้ามาทำทีมแทน ฮันซี่ ฟลิค ที่เป็นผู้จัดการทีมชาติคนแรกที่โดนไล่ออกนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 1926
ฟอร์มก่อนหน้านี้ เยอรมัน เอาชนะ สหรัฐ อเมริกา, เสมอ เม็กซิโก และล่าสุดแพ้ให้กับ ตุรกี 2-3 ในวันเสาร์ที่ผ่านมา
อีกหนึ่งความพ่ายแพ้ของ เยอรมัน ครั้งที่ 6 ของปี 2023 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดที่แพ้ในทีมอื่น ๆ ไม่ใช่ประวัติความเป็นมา
มาร์ค อังเดร แตร์ สเตเก้น อาจจะได้โอกาสลงสนามอีกครั้ง หลังจากฟอร์มหลุดไปในเกมที่เสมอกับ เม็กซิโก
มานูเอล นอยเออร์ ที่กลับมาจากอาการบาดเจ็บยาวยังไม่ถูกเรียกกลับมาติดทีมชุดนี้ พร้อมกับเสีย เควิน แทร็ปป์ ในวันอังคาร เช่นเดียวกับ คริส ฟูห์ริช และ เฟลิกซ์ เอ็นเมชา ที่ได้รับบาดเจ็บ
ฟูลแบ็คคือหนึ่งปัญหาหลักของ เยอรมัน ในปีนี้ ถ้านับจริงๆ มันก็ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2014 ที่ต้องเอา เบเนดิคต์ โฮเวเดส มาเป็นแบ็คซ้ายจำเป็น และคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ จนถึงตอนนี้ต้องเอา ไค ฮาเวิร์ตซ์ มาเล่นตำแหน่งนี้ในเกมเจอกับตุรกี
ไค ฮาเวิร์ตซ์ ยิงได้ 1 ประตู แต่ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ เยอรมัน ต้องเสียประตู 1 ลูก ในเกมที่แพ้ ตุรกี 2-3 ทำให้ เดวิด เราม์ ของ ไลป์ซิก ที่เป็นแบ็คซ้ายธรรมชาติน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสุด
ออสเตรีย ปีนี้แพ้แค่เกมเดียว จากทุกรายการ ราล์ฟ รังนิค เจ้ามาดูแลทีมตั้งแต่ย้ายออกจาก แมนฯ ยูฯ ในปี 2022 หลังจากนั้น ออสเตรีย ก็ดูดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา
เกมนี้ มาร์โก้ อาเนาโตวิช ต้องเช็คความฟิตก่อนเริ่มเกม หลังจากได้รับบาดเจ็บในเกมที่ชนะ เอสโตเนีย 2-0 เมื่อวันพฤหัสบดีทีผ่านมา
ฟลอร็อง กริลลิตส์ช ที่โดนดรอปเป็นตัวสำรองในเกม เอสโตเนีย นัดนี้ถ้าได้ลงเล่นก็น่าจะต้องโดนจำกัดเวลาเล่น
ไม่ใช่แค่ชาวออสเตรียที่นำโดยชาวเยอรมัน แต่มีผู้เล่นทั้ง 11 ตัวหลัก ยังเป็นตัวที่เล่นในบุนเดสลีก้า ยกเว้น ดาวิด อลาบา ที่เล่นให้กับ เรอัล มาดริด เพียงรายเดียวเท่านั้น