เรอัล มาดริด พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ ลาส พัลมาส 4-1 ได้อย่างสบายๆ ที่เอสตาดิโอ ซานติอาโก เบร์นาเบว ทำให้ทีมโลส อามาริลโลส ชนะเกมเยือนในลาลีกา 36 นัดติดต่อกัน เจ้าบ้านรู้ดีว่าหากชนะได้ก็จะขึ้นเป็นจ่าฝูง แต่ก็ต้องเจอกับความปราชัยในช่วงต้นเกมเมื่อฟาบิโอ ซิลวา ยิงประตูให้กับลาส พัลมาสได้ภายในเวลาเพียง 28 วินาที
อย่างไรก็ตาม เรอัลมาดริดกลับมาตีเสมอได้ในนาทีที่ 23 เมื่อคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงจุดโทษเข้าประตูได้อย่างใจเย็น ซึ่งได้มาจากซานโดร รามิเรซ ที่ยิงประตูให้โรดรีโก จากนั้นเจ้าบ้านก็คุมเกมได้อย่างสมบูรณ์ โดยบราฮิม ดิอาซ ยิงประตูได้ในนาทีที่ 33 หลังจากจัสเปอร์ ซิลเลสเซ่น เซฟลูกยิงอันน่าประทับใจหลายครั้งเพื่อป้องกันเอ็มบัปเป้และโรดรีโก
เอ็มบัปเป้ทำประตูที่สองของเกมได้สำเร็จเพียงสามนาทีต่อมา โดยเป็นการทำประตูแรกให้กับโรดรีโกที่จ่ายบอลเด้งไปมาได้อย่างเฉียบขาด นักเตะชาวฝรั่งเศสรายนี้ยังคงครองบอลได้อีกครั้งก่อนหมดครึ่งแรก แต่พลาดโอกาสทำแฮตทริกจากการถูกตัดสินว่าล้ำหน้า เรอัล มาดริดยังคงครองเกมต่อไปในครึ่งหลัง โดยโรดรีโกยิงประตูได้ในนาทีที่ 58 ทำให้ทีมนำเป็น 4-1
เกมของลาส พัลมาสแย่ลงไปอีกในนาทีที่ 64 เมื่อเบนิโต รามิเรซถูกไล่ออกจากสนามเพราะเข้าสกัดลูกัส บาสเกซอย่างแรง เรอัล มาดริดมีโอกาสทำประตูอีกหลายครั้งแต่พลาดจากการถูกตัดสินว่าล้ำหน้าและการเซฟอันยอดเยี่ยมของซิลเลสเซ่น ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะ 90 นาทีแรกของเรอัล มาดริดในสามเกมอย่างเป็นทางการ
ผลการแข่งขันทำให้เรอัล มาดริดกลับมารั้งจ่าฝูงของตารางลาลีกาเหนือแอตเลติโก มาดริด คู่แข่งร่วมเมือง ส่วนลาส พัลมาสพ่ายแพ้ติดต่อกันสองนัดเป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นค่ำคืนพิเศษสำหรับดาบิด อลาบา ซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องหลังจากต้องพักรักษาตัวนานถึง 399 วัน
ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของเรอัล มาดริดจะเป็นปัญหาสำคัญสำหรับลาส พัลมาส ซึ่งกำลังเผชิญอุปสรรคมากมายในการพลิกสถานการณ์ในฤดูกาลนี้ ในขณะเดียวกัน ลอส บลังโกส ก็ต้องการสร้างโมเมนตัมนี้ต่อไป เพื่อปกป้องตำแหน่งแชมป์ลาลีกา