เรอัล มาดริด โชว์ฟอร์มเด่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเย็นวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาเอาชนะอินเตอร์ มิลาน 2-0 จบรอบแบ่งกลุ่มในฐานะจ่าฝูงของกลุ่ม
เรอัล มาดริด ได้ประตูนำเร็วจาก โทนี่ โครส ยิงไกลสุดสวยในนาทีที่ 17 ให้ เรอัล มาดริด นำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง อินเตอร์ มิลาน ลดเหลือ 10 คน เมื่อนิโคโล่ บาเรลลา โดนไล่ออก ในนาทีที่ 64 และก็เสียประตูที่สองให้กับ เรอัล มาดริด จาก อเซนซิโอ ในนาทีที่ 79
ในขณะเดียวกัน มันเป็นเรื่องดราม่าเมื่อแอตเลติโก มาดริดเอาชนะปอร์โต้ 3-1 เพื่อรักษาตำแหน่งรอบน็อกเอาต์ที่เอสตาดิโอ เด ดราเกาในโปรตุเกส
ครึ่งแรกจบลงด้วยการทำประตูโดยแอตเลติโก มาดริดเสียหลุยส์ ซัวเรซจากอาการบาดเจ็บในช่วงต้นครึ่งแรก อย่างไรก็ตาม อองตวน กรีซมันน์ ในนาทีที่ 56 ทำประตูได้ ก่อนที่นักเตะทั้งสอทีมจะโดนไล่ออกจากสนามรวมกันไปถึงสามคน
ยานนิค คาร์ราสโก้เป็นคนแรกที่ถูกไล่ออกจากสนาม ก่อนที่เวนเดลล์จะได้รับใบแดงตรงๆ อีกสามประตูตามมาในนาทีที่ 90 ในฐานะอังเคล คอร์เรอาและโรดริโก เด ปอล ในขณะที่เซร์คิโอ โอลิเวราทำประตูปลอบใจให้กับปอร์โต้
ต่อจากนั้น แอตเลติโก มาดริด ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ต่อไป ขณะที่ปอร์โต้ตกรอบยูโรปาลีก
ในวันพุธ บาร์เซโลน่าจะพบกับงานใหญ่ในการเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคเพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไป การเสมอกันจะเพียงพอสำหรับบาร์เซโลน่า หาก เบนฟิก้า ไม่สามารถเอาชนะ ดินาโม เคียฟ ได้
ในการแข่งขันรายการอื่นในวันพุธ บียาร์เรอัลต้องหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ในอิตาลีกับอตาลันต้าเพื่อจะได้เข้ารอบน็อคเอาท์ เรือดำน้ำสีเหลืองเป็นอันดับสองรองจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่มีแต้มเหนืออตาลันต้าเพียงคะแนนเดียว
ในขณะเดียวกัน เซบีย่า ต้องชนะ ซัลซ์บวร์ก เพื่อให้สามารถเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ โดยปัจจุบัน เซบีย่า มีแต้มตามหลัง ซัลซ์บวร์ก ที่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มอยู่หนึ่งคะแนน