แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะนาโปลีได้สำเร็จในเกมเปิดสนามยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่เอติฮัด สเตเดียม คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
นาโปลีต้องเล่นด้วยผู้เล่น 10 คนเกือบตลอดทั้งเกมหลังจากโจวานนี ดิ ลอเรนโซ โดนใบแดงในช่วงต้นเกม แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกแชมเปียนส์ลีก
ใบแดงในช่วงต้นเกมทำให้การกลับมาของเควิน เดอ บรอยน์ สั้นลง เนื่องจากผู้เล่นชาวเบลเยียมต้องเสียสละตำแหน่งกองหลัง คอนเต้ส่งมาเทียส โอลิเวราลงสนาม และเปลี่ยนเลโอนาร์โด สปินาซโซลา ไปเล่นแบ็คขวา
ด้วยผลการแข่งขัน เดอ บรอยน์ได้กลับมาพบกับอดีตเพื่อนร่วมทีมอีกครั้งในเกมเปิดสนามยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกนัดนี้ โดยมีราสมุส ฮอยลุนด์ และสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กลับมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์เช่นกัน
เนื่องจากอาการบาดเจ็บของอเล็กซ์ เมเร็ต วานยา มิลินโควิช-ซาวิช ซึ่งเซฟลูกยิงสุดสวยหลายครั้งช่วยให้ทีมเสมอกันในครึ่งแรก ได้ลงสนามอีกครั้ง
จานลุยจิ ดอนนารุมมา ลงเล่นให้ซิตี้ในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดแรก หลังจากประเดิมสนามให้ทีมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในเกมพรีเมียร์ลีกที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-0
ลูกยิงสุดแรงของทิยานี ไรน์เดอร์ส ถูกมิลินโควิช-ซาวิชปัดออกไปได้ ขณะที่ดอนนารุมมาปัดลูกโหม่งของบีอูเคมาออกจากมุมเสาหลังได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม นาโปลีต้องเหลือผู้เล่นเพียงสิบคน เมื่อฟิล โฟเดน ส่งเออร์ลิง ฮาลันด์ ขึ้นนำ และดิ ลอเรนโซ สกัดบอลของฮาลันด์บริเวณขอบกรอบเขตโทษ
ในตอนแรกผู้ตัดสินเป่าให้เล่นต่อเนื่องจากเข้าสกัดอย่างแม่นยำ แต่ VAR แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สัมผัสบอลเลย ทำให้ต้องโดนใบแดงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากลูกโหม่งของฮาลันด์ไปชนคานประตู มิลินโควิช-ซาวิช ก็สกัดลูกยิงของโฟเดนไว้ได้ ก่อนจะปัดลูกวอลเลย์อันตรายของโรดรีออกไปได้
จากนั้นเขาก็ได้เซฟลูกโหม่งของนิโก้ โอไรลี่ย์ ก่อนเป็นลูกแรก และโยสโก้ กวาร์ดิโอล ในช่วงพักครึ่ง
โปลิตาโน่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทีมเยือน จุดเด่นคือการสกัดลูกยิงของไรน์เดอร์สในระยะ 12 หลา ซึ่งเปลี่ยนทิศทางบอลเข้ามือของมิลินโควิช-ซาวิช และเขาก็ฉลองประตูอย่างสุดเหวี่ยง
ซิตี้ยังคงกดดันอย่างต่อเนื่อง มองหาวิธีที่จะเจาะแนวรับต่ำ เมื่อโฟเดนยิงเฉียงข้ามหน้าประตูไปในช่วงไม่กี่นาทีแรกของครึ่งแรก
หลังจากโปลิตาโน่ ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวออกในที่สุด โดนใบเหลือง นาโปลีเปลี่ยนมาใช้แผน 3-5-1
ในที่สุดเจ้าบ้านก็ได้รับผลตอบแทนเมื่อทลายตัน โฟเดนจ่ายบอลเฉียงเข้าไปตรงขอบกรอบเขตโทษอย่างชาญฉลาด ก่อนที่ฮาลันด์จะโหม่งบอลข้ามหน้าประตูไปอย่างแม่นยำ
นักเตะทีมชาตินอร์เวย์รายนี้ยิงไปแล้ว 50 ประตูจากการลงเล่นแชมเปียนส์ลีกเพียง 49 นัด ทำลายสถิติของรุด ฟาน นิสเตลรอย ซึ่งทำได้ใน 63 นัด
ในที่สุด ซิตี้ก็ยิงได้สองประตูจากความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยมของเฌเรมี โดมู ปีกชาวเบลเยียมเลี้ยงบอลระหว่างสองฝั่งก่อนจะพุ่งเสียบมุมซ้ายเข้าไปตุงตาข่ายมิลินโควิช-ซาวิชอย่างงดงาม
จากนั้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็เก็บบอลไว้ได้และไม่สามารถทำลายประตูเพิ่มได้ ซึ่งอย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้นาโปลีเดินหน้าต่อไปด้วยผลต่างประตูได้เสียในรูปแบบแชมเปียนส์ลีกนี้