ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เปิดฉากแชมเปียนส์ลีกได้อย่างน่าประทับใจที่โคเปนเฮเกน ก่อนที่ช่วงท้ายเกมจะจบลงด้วยการเสมอกันอย่างสูสี
ประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมสุดดราม่าช่วยให้ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เก็บ 1 คะแนนได้สำเร็จ ในเกมที่เสมอกับเอฟซี โคเปนเฮเกน 2-2 ในแชมเปียนส์ลีก
ประตูแรกของจอร์แดน ลาร์สสัน ทำให้เจ้าบ้านได้เปรียบอย่างไม่คาดคิด เมื่อยูสซูฟา มูโกโก เกือบทำประตูที่สอง ก่อนที่โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี เปิดบอลโค้งไปชนคานประตู
ทั้งโดมินิก โคตาร์สกี้ และมาร์ค เฟล็กเคน ผู้รักษาประตูต่างก็เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ลูกฟรีคิกสุดสวยของอเล็กซ์ กริมัลโด ก็ช่วยให้ทีมกลับมาเสมอกันในนาทีที่ 82
กริมัลโด้ กลายเป็นนักเตะสเปนที่ยิงประตูจากลูกฟรีคิกโดยตรงได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ลีก แซงหน้าชาบี อลอนโซ อดีตโค้ชของเขา
อย่างไรก็ตาม เพียงสี่นาทีต่อมา โรเบิร์ต ซิลวา โหม่งบอลเข้ากลางประตูของโรดริโก อูเอสกัส เข้าไป และทำให้โคเปนเฮเกนขึ้นนำอีกครั้ง
ฮัตซิเดียกอส สกัดบอลเข้าประตูตคัวเองจากลูกเปิดเรียดของปาทริก ชิค ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เลเวอร์คูเซนตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
อูเอสกัสทำแอสซิสต์ได้หนึ่งครั้งและสร้างโอกาสทำประตูได้มากที่สุดในบรรดานักเตะโคเปนเฮเกน (สามครั้ง) นอกจากนี้ เขายังกลายเป็นผู้เล่นคนที่สองที่แอสซิสต์ในวันเกิดของเขาในนัดเปิดตัวในแชมเปียนส์ลีก
แต่นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับเจ้าบ้าน ซึ่งพลาดชัยชนะครั้งที่สองจาก 15 เกมสำคัญในยุโรปเมื่อเจอกับทีมจากเยอรมนี (เสมอ 6 แพ้ 8)
โคเปนเฮเกนเก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดจาก 13 นัดหลังสุดในแชมเปี้ยนส์ลีก (เสมอ 5 แพ้ 7) ขณะที่คาสเปอร์ ฮยูลมานด์ กุนซือคนใหม่ของเลเวอร์คูเซ่น ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยใน 7 นัดที่ลงเล่นในรายการนี้